วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

คำศัพท์ที่ควรทราบกับการหารายได้ผ่านเน็ต


คำศัพท์ที่ควรทราบกับการหารายได้ผ่านเน็ต
A
Advertiser                   
ผู้ที่จ่ายเงินให้ทาง Google AdSense นำโฆษณาไปเผยแพร่ ( โฆษณาที่คุณได้ ) ซึ่งเป็นการใช้บริการอีกอันหนึ่งของ Google ที่เรียกว่า

AdWords เหมือน Sponsor 
Account activation      การเข้าระบบเป็นครั้งแรก หลังจากที่ AdSense ตอบรับเป็นสมาชิกแล้ว
Account creation     การเปิดบัญชีสมาชิก
Account email           
ที่อยู่ อีเมล เช่น myname@hotmail.com

Account type             
ประเภทของธุรกิจของผู้สมัคร ว่าเป็นส่วนบุคคล หรือ เป็นบริษัท

Actual cost – per – thousand – impressionsจำนวนเงินที่ผู้ลงโฆษณาต้องจ่ายจริงในการแสดงโฆษณาให้คนเห็น
Ad code
ตัวหนังสือที่เป็นภาษา HTML ที่ใช้ในการนำไปวางไว้ที่เว็บเพจในหน้า HTML view เพื่อแสดงโฆษณาทำเงินจาก Google AdSense

Ad for Content
 เป็นโฆษณาชนิดหนึ่งในบริการของ AdSense ที่แสดงโฆษณาเป็นลิงก์ทำเงินให้คลิก

Ad format
ขนาดต่างๆ ของโฆษณา 

Ad for Search
เป็นโฆษณาที่ใช้กล่องค้นหา ( search box ) ในการทำเงิน

Ad unit
โฆษณาในรูปแบบกล่องหรือ banner ที่เป็นได้ทั้ง ตัวหนังสือ ( text ) และรูปภาพ ( image )

Ad unit impression
การแสดงโฆษณาประเภท ad unit ( banner ) หรือการโหลดหน้าเว็บเพจที่มีโฆษณาวางอยู่ เช่น สมมุติว่า ถ้าคุณวาง ad unit ไว้ 3 ที่ในเว็บเพจ เมื่อมีคนโหลดเพจเข้ามา 2 ครั้ง ก็เท่ากับ คุณได้ทำ ad unit impression ได้ทั้งหมด 6 ครั้ง แต่ไม่ได้มีผลกับรายได้เพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็น page impression ซึ่งก็จะเท่ากับว่าได้ 2 ครั้ง ซึ่งคุณจะได้เงินทุกๆ 1000 ครั้ง ของ Page impression ไม่ใช่ ad unit impression

Address , Valid Mailing
ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้จริง ทางไปรษณีย์

Adjustments
การปรับแต่ง

Advertise on this site link
ลิงก์เชิญชวนให้โฆษณาที่เว็บเพจ

Affiliate
การรับฝากลิงก์โฆษณาเพื่อกินค่าเปอร์เซ็นต์เมื่อมีคนซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ที่วางลิงก์เอาไว้ ผู้ที่ใช้ Affiliate ก็เป็นเหมือนพ่อค้าคนกลางนั่นเอง
Alternate ads
โฆษณาสำรอง จะเห็นได้ในเวลาที่ AdSense หาโฆษณาให้ไม่ได้


B
Blogger
ชื่อของเว็บไซต์ที่ให้บริการ blog ฟรี www.blogger.com

Business account
บัญชีประเภทบริษัทจดทะเบียน

C
Channel
ตำแหน่งของโฆษณาที่เราสามารถแบ่งได้เป็น channel เพื่อทำการสำรวจที่มาของรายได้

Click
การคลิกที่ลิงก์โฆษณา

Clickthrough rate ( CTR )
จำนวนการคลิกที่ลิงก์ของโฆษณามีค่าเป็นเปอร์เซ็น นับได้จากจำนวนคลิกของโฆษณาหารกับจำนวนของ ad unit impression

Color palette
โปรแกรมที่ให้คุณสามารถเลือกสีของโฆษณาเป็นเซ็ตได้ หรือ สามารถสร้างเซ็ตสีของตัวเอง และ บันทึกเก็บไว้

Competing Ads
โฆษณาที่เป็นคู่แข่งกับผู้ใช้ หรือ โฆษณาในเรื่องเดียวกันกับเว็บผู้ใช้งานโฆษณา

Competitive Ad Filteer list
รายชื่อของเว็บที่ไม่ต้องการให้มาโผล่ที่โฆษณาบนเว็บของผู้ใช้งานโฆษณา 

Content
เนื้อหา หรือ บทความบนเว็บเพจ

Contextual Advertising
การจัดประเภทของโฆษณาที่เกิดจากการวิเคราะห์เนื้อหาของเว็บไซต์อย่าง AdSense

Conversion
รายได้จากการบวกลบคูณหารหลังจากที่มีคนใช้บริการ Referral ของคุณ เช่น สมัคร AdSense , โหลด FireFox และ Picasa

Cost – per – click ( CPC )
ราคาของโฆษณาต่อการคลิก 1 ครั้ง 

Cost – per – thousand – impressions ( CPM ) 
ราคาของโฆษณาต่อการแสดงเพจ 1000 ครั้ง 

Crawler
ระบบที่ Search Engines ทั้งหลายใช้ในการวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณว่าควรจะให้อยู่ใน ranking อย่างไร และ ระบบ AdSense ก็ใช้ Crawler ในการวิเคราะห์เว็บไซต์เพื่อการแจกจ่ายโฆษณา ให้ได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับเนื้อหาของเว็บเพจนั้นๆ

Custom channel
เครื่องมือสำหรับแบ่งแยกการแสดงรายงานของรายได้

Custom report
การสั่งทำรายงานผลการทำรายได้แบบแยกเว็บเพจ และ ตำแหน่งของโฆษณา

D
Dashboard
หน้าระบบการจัดการ blog ( control panel ) ของสมาชิก Blogger และ Wordpress

Destination UDR
ที่อยู่ของเว็บไซต์ปลายทาง

Display UDR 
ที่อยู่ของเว็บไซต์ที่แสดงให้เห็น 

E
Effective CPM ( eCPM ) 
ราคาการแสดงโฆษณา จะกี่อันก็ตามที่วางไว้ที่เว็บเพจหนึ่งๆ ต่อจำนวน 1000 ครั้ง 

Electronic Funds Transfer
การส่งเงินด้วยการโอนของระบบ Google AdSense ยังไม่สามารถใช้ส่งมาประเทศไทย

F
Firefox
ซอฟต์แวร์ใช้เล่นเน็ตที่ดีที่สุดในตอนนี้ และเป็นสิ่งที่ทำรายได้ให้สมาชิกได้อีกทาง เมื่อมีคนโหลดซอฟต์แวร์ตัวนี้จากลิงก์ของ AdSense ที่เว็บเพจของคุณ คุณจะได้ 1 เหรียญ

G
Geo – Targeting
ระบบการจ่ายโฆษณาดดยแบ่งแยกประเทศและภาษา เช่น ในเว็บเพจเดียวกัน ผู้ชมสองคนที่อยู่คนละประเทศอาจเห็นโฆษณาที่ต่างกัน 

Google Account
บัญชีสมาชิก Google 

Google AdSense
ผู้ที่เป็นตัวกลางการเผยแพร่โฆษณาทางเน็ตให้กับบุคคลทั่วไปที่มีเว็บไซต์ ได้มีโอกาสทำรายได้จากการนำโฆษณาไปวางไว้ที่เว็บเพจของตัวเอง โฆษณาที่ได้มาจากการสมัครสมาชิกนั้นจะสามารถปรับเปลี่ยนสินค้าหรือสปอนเซอร์ ให้เป็นไปตามเว็บเพจที่ใช้ ด้วยเทคโนโลยีการวิเคราะห์เนื้อหา หรือ บทความที่อยู่บนเว็บเพจนั้นๆ

Google AdSense for search
การโฆษณาของ Google AdSense โดยใช้ search box ( กล่องค้นหา )

Google AdWords
การให้บริการการลงโฆษณาจาก Google ผู้ใช้งานจะเรียกว่าเป็น Advertiser ซึ่งตรงกันข้ามกับ Publisher

H
HTML
ภาษา หรือ code ที่ใช้เขียนเพื่อการสร้างเว็บไซต์ที่ใช้ง่ายที่สุด

I
IFRAME
เป็น code คำสั่ง HTML ทำให้สามารถมีเว็บเพจหลายๆ เพจอยู่ในหน้าเดียวกัน

Image Ad
โฆษณาทำรายได้ในรูปแบบ ad for content ที่เป็น รูปภาพ หรือ banner

Individual account
บัญชีประเภทบุคคลทั่วไป 

Invalid click or impression
การคลิกโฆษณาหรือการโหลดแสดงหน้าเว็บเพจที่เกิดจากการโกง

IP Address
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อินเทอร์เน็ตทุกๆ เครื่องในโลกจะต้องมีเลขชุดนี้แสดง เหมือนเป็นเบอร์โทรศัพท์ของคอมพิวเตอร์ เช่น 123.25.250.240

J
JavaScript
ภาษาที่ใช้ในการสร้างเว็บเพจในรูปแบบที่เป็นคำสั่ง Script

K
Keyword
คำศัพท์ที่ผู้ใช้เน็ต และ Search Engine ใช้ค้นหาข้อมูล หรือ หาเว็บไซต์ที่ต้องการ หรือ web publisher สามารถนำมันมาเป็นคำที่ใช้ในการเขียนบทความ , โพสต์ , ทำเนื้อหา ( content ) หรือ ที่เรียกว่า ทำการ SEO ให้เว็บตัวเอง เพื่อเป็นการทำให้ Search Engine รู้จักเว็บของ Publisher ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

L
Link unit
ชนิดของการทำรายได้ ในรูปแบบแสดงลิงก์ให้เห็นเป็นเมนู

M
Maximum cost – per – thousand – impressions
ราคาสูงสุดที่สปอนเซอร์ หรือ ผู้ลงโฆษณา ( Advertiser ) จะให้แก่ผู้เผยแพร่โฆษณา ( Publisher ) ต่อการแสดงหร้าเว็บเพจ 1000 ครั้ง

N
Niche
หัวข้อของเนื้อหาที่คุณใช้ในเว็บไซต์ เป็นหัวข้อที่มีความนิยมน้อย และ ไม่มีคู่แข่งมากเกินไป เช่น การเล่นกีตาร์ , การเลี้ยงสุนัขไทย , การซ่อมท่อน้ำด้วยตัวเอง

P
Page impression
การแสดง หรือ การโหลดเว็บเพจจากผู้ชม คุณจะได้เงินทุกๆ 1000 ครั้ง ที่เว็บเพจที่วางโฆษณาเอาไว้ได้ถูกโหลด ถ้าคุณวางโฆษณาไว้ 2 ที่ คุณก็จะได้ page impression เป็น 2 เท่า

PageRanking
เทคโนโลยีการจัดอันดับเว็บไซต์ลงไปที่ฐานข้อมูลของ Google Search Engine

Payment History
รายงานการรับเงินในอดีตที่ผ่านมา

Pay – Per – Click
เป็นธุรกิจโฆษณาที่ใครก็สามารถโปรโมตเว็บไซต์ หรือ สินค้าได้โดยการฝากลิงก์ และ จ่ายเงินให้ผู้ที่คลิกเข้ามาที่โฆษณากับผู้เป็นตัวกลางเผยแพร่โฆษณาให้ เช่น บริการอย่าง AdWords และ อื่นๆ อีกมากมาย

Personal Identification Number ( PIN )
ตัวเลขประจำตัว ซึ่งคุณจะได้จาก Google AdSense ทางไปรษณีย์ ทันทีที่ทำยอดเงินได้ 50 เหรียญขึ้นไป เพื่อเป็นการยืนยันการรับเงิน

Picasa
แชร์แวร์ของ Google ใช้สำหรับการจัดการรูปภาพ และ สามารถทำรายได้ให้เราได้อีกทางเมื่อมีคนโหลดซอฟต์แวร์ตัวนี้ จากการโฆษณาของคุณ

PPC
ดู Pay – Per – Click

Preview Tool
เป็นซอฟต์แวร์เพิ่มฟังก์ชั่นให้ Internet Explorer ของ Windows เท่านั้น สามารถให้สมาชิกใช้ตรวจเช็คลิงก์จากโฆษณาของตัวเอง ด้วยการคลิกเมาส์ขวาไปที่ ลิงก์บนโฆษณา เพื่อให้คุณเช็คลิงก์ได้โดยไม่ต้องคลิกโฆษณาด้วยตัวเองซึ่งถือว่าเป็นการโกง

Products
ผลิตภัณฑ์ของ AdSense 3 อย่าง ประกอบด้วย
1.  Ad for Contetnt
2.  Ad for Search
3.  Referrals

Public Service Ad ( PSA ) 
เป็นโฆษณาชั่วคราวที่ทาง Google AdSense จัดให้ เมื่อทางเค้ายังไม่สามารถจัดโฆษณาได้ส่วนใหญ่จะได้ตอนใช้โฆษณา กับเว็บไซต์ใหม่ ซึ่งต้องให้เวลา Google วิเคราะห์เว็บเพจก่อนทุกครั้ง ก่อนที่จะจัดโฆษณาให้ได้อย่างสมบูรณ์

Publishing ( Web Site )
การเผยแพร่เว็บไซต์ออกสู่สายตาคนทั่วโลก 
Publisher
เจ้าของเว็บไซต์ , ผู้ที่ใช้บริการของ AdSense หรือ ผู้ที่เผยแพร่โฆษณาด้วยเว็บไซต์

R
Ranking 
อันดับความนิยมของเว็บไซต์จากฐานข้อมูลของ Search Engine

Referrals
Products ของ AdSense ที่เปก็นการหาคนสมัครต่อ หรือ โหลดซอฟต์แวร์จากเว็บไซต์สมาชิก AdSense

Revenue
รายได้รวมจากการใช้ AdSense ในทุกๆ รายการ

Revenue share
ส่วนแบ่งรายได้ระหว่างสมาชิก ( Publisher ) กับ Google AdSense

Robot
ระบบการวิเคราะห์เว็บไซต์ของ Google

S
Search box
กล่องค้นหาข้อมูล

Search Engine
เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลเว็บไซต์ทั่วโลก เช่น Yahoo , Google และ Ask.com

Section targeting
การเบี่ยงเบนความสนใจของ Google Robot ให้สนใจเนื้อหาเฉพาะเจาะจงเป็นที่ๆ ไป เพื่อให้ได้โฆษณาที่เราต้องการ และตรงตามเนื้อหาที่เราเตรียมไว้

SEO ( search engine optimization )
การทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักต่อ Search Engine ต่างๆ และทำให้ได้อยู่ใน ranking ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

Sing – ups
การสมัครสมาชิก

Site targeting
เว็บไซต์ที่เป็นเป้าหมายของลิงก์

Sponsored links
ลิงก์ที่มีคนจ่ายเงินเพื่อต้องการให้ผู้คนทั่วไปเห็นและคลิกโฆษณาจากผู้ใช้บริการ AdWords มีความหมายเดียวกันกับ Advertiser links

T
Tax information
ข้อมูลผู้เสียภาษี

Tracking 
การติดตามดูความเป็นไปของการทำงานโฆษณา

Traffic
อัตราผู้ชมในเว็บไซต์ เช่น ซึ่งการจะสร้าง Traffic ให้เว็บไซต์คุณมี 2 วิธี คือ
1.  จ่ายเงิน PPC อย่าง AdWords
2.  ทำ SEO

U
URL
ที่อยู่ของเว็บไซต์ เช่น URL ของเว็บคุณชื่อว่า www.myweb.com

URL channels
ระบบการสำรวจเว็บไซต์ที่ทำเงินที่สุดของสมาชิก AdSense
V
Visitor
ผู้เข้าชมเว็บไซต์

W
Web – Log
blog การเขียนความเห็นหรือเขียนบันทึกบนอินเทอร์เน็ต

Web page
เว็บเพจ หมายถึง การเจาะจงเว็บไซต์เป้นหน้าที่ เช่น หน้าที่ให้ลิงก์ mysite.com/links.html

Web site
เว็บไซต์ที่รวมทั้งหมด หาได้ด้วยการใช้ URL domain name เช่น mysite.com

WordPress
ชื่อของเว็บไซต์ที่ให้บริการ blog ฟรี wordpress.com

WYSIWYG
“ What you see is what you get “ การสร้างเว็บไซต์ง่ายได้จากเว็บเบราเซอร์ของเราเองในเว็บไซต์ที่ให้บริการสร้างเว็บฟรี เช่น geocity.com และ google.com

วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สัญญาณเตือนภัยภิบัติ


สัญญาณเตือนภัยภิบัติ หากเกิดสิ่งเหล่านี้ ให้เตรียมตัวออกจากรุงเทพ


สัญญาณเตือนภัยภิบัติ ปลายปี 2012 หรือ 2555 

1- พระแก้วมรกต เปลี่ยนจากสีเขียวจะกลายเป็นสีแดง
2- เห็นพระอาทิตย์ หรือพระจันทร์ ดวงที่สองชัดเจนมาก
3. จะมีสิ่งบอกเหตุที่สำคัญ คือ หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านทิศเหนือ มนุษย์จะเห็นว่าตำแหน่งของดาวเหนือ เปลี่ยนราวกับว่าอยู่ไกลออกไปมากกว่าแต่ก่อน จึงพลอยทำให้แสงสว่างของดาวเหนือลดลงด้วย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ดาวเหนือยังคงอยู่ที่เดิม แต่แกนขั้วโลกต่างหากที่กำลังเปลี่ยนทิศ ซึ่งสื่อความหมายว่า ขั้วโลกพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนขวั้ จากเหนือ-ใต้ เป็นขั้นตะวันออก-ตะวันตก
4.ท้องฟ้ามืดมิดผิดปกติหรือ ท้องฟ้าเว้งว้างหดหู่ เห็นท้องฟ้าสีแดง พระจันทร์สีแดง
5.ในวันใดก็ตาม ในเวลาประมาณบ่ายสามโมง (15.00 น.) จะมีแสงสว่างวาบมาจากท้องฟ้า เป็นแสงมหัศจรรย์ มีประกายเจิดจ้าอย่างไม่มีประมาณ ไร้สิ่งเปรียบเทียบ เพราะเป็นแสงที่เกิดจากการปะทะ พุ่งชน เสียดสีของพลังงานบวกกับพลังงานลบจากสองกาแลคซี่ ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน รวมทั้งมนุษย์ในโลก เสียงโจษขานอึงคะนึงจากกลุ่มคนทั่วทิศทาง ถามไถ่กันขรมว่าเป็นแสงอะไร หากได้ยินเช่นนี้แล้ว ให้รีบหลับตาหลบอยู่ในที่พักอาศัย ไม่ต้องติดตามมวลชนออกไปเพื่อหาต้นกำเนิดของแสงบาดตาที่มีอานุภาพทำให้ตาบอดได้ทันที
6.ถัดมาในตอนกลางคืน เวลาประมาณสามทุ่ม (21.00น.) จะเกิดเสียงดังกึกก้องกัมปนาท เป็นพลังงานเสียงที่มีอัตราความดังสูงเกินพิกัดปกติอย่างมาก เสียงคำราม แผดก้อง เขย่าขวัญ เกินประมาณ ดังมาจากทั่วสารทิศ ทำให้แก้วหูแตกได้ฉับพลัน จึงควรหาอุปกรณ์ สำหรับอุดหูเพื่อป้องกันแก้วหูแตก หรือ ป้องกันขวัญผวาไปกับการได้ยินสรรพสำเนียง แปลกประหลาดที่บาดหู บาดใจ เหล่านั้น
7.คลื่นพลังมหาศาลจากจักรวาลจะกระแทกลงมายังโลก เป็นพลังงานที่เกิดจากลมพายุสุริยะ
8.ดร.ก้องภพฯ อธิบายว่า เราสามารถสังเกตได้อย่างหนึ่ง คือ ถ้าเรามองไปที่ท้องฟ้าแล้วเห็นก้อนเมฆ จู่ๆเมฆก็แตกลายงา หรือแตกสลายเปลี่ยนรูปเร็ว พื้นที่บริเวณนนั้ มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวสูง หรือ มีสัตว์นํ้าลึกเข้ามาเกยตื้นตายจำนวนมาก ได้พบหลักฐานอย่างมีนัยะสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับการเกิด แผ่นดินไหวขนาดใหญ่จะติดตามมา
9. บรรยากาศทั่วไปไม่ปรกติ รู้สึกอึดอัดแปลกๆ หายใจลำบาก ใบไม้พลิกหงายพลิกคว่ำและดูหดหู่จะไม่มีนกในท้องฟ้า สัตว์ทั้งหลายไม่ปรากฏกายให้เห็น
10.สัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านจะเห็นมันวิ่งลุกลี้ลุกลนผิดปกติหรือบางตัวจะนอนนิ่งน้ำตาซึม สัตว์สี่เท้าจะนอนน้ำตาไหล หรือสัตว์เลี้ยงจะมีอาการแตกตื่นกระวนกระวาย หนีตายจากที่อยู่ หรือเชื่องซึมผิดปกติ
11.แผ่นดินใหวครั้งใหญ่มาก อาจทำให้เกิดสึนามิ หรือเขื่อนแตก
12. เกิดภูเขาไฟระเบิด ปะทุขึ้นมา เกิดน้ำพุใต้ดิน พลุ่งขึ้นมา
13. พระอินทร์เป่าสังข์ หรือตีกลองแก้ว เสียงดังกังวานไปทั่วนภากาศ
14. สัญญานเตือนอื่นๆ แปลกๆ จากทั่วโลก เช่นแม่จีนกลายเป็นสีแดง, พายุทอร์นาโด, น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ฯฯฯ
15.ท้องฟ้ากลางวัน มืดมิดมากยิ่งกว่ากลางคืน จนน่าหวาดกลัวที่สุด ฝนตก 7วัน 7 คืน ( ตก 3วันก็ออกได้แล้ว )
16.เมื่อดาวทุกดวงในระบบสุริยะ และดาวนิบิรุมาเข้าแถวอยู่ในระนาบเดียวกันเป็นเส้นตรง ส่งเชื่อมพลังสนามแม่เหล็ก บวก-ลบ ๆ เพิ่มกำลังแรงแม่เหล็กเต็มที่ ส่งพลังไปยังศูนย์กลางของกาแลกซี่ทางช้างเผือก จุดประกายขึ้นทั่วจักรวาล ทั้งแสงและเสียง ส่งพลังคลื่นแม่เหล็กสะท้อนกลับมายังดาวต่างๆ ที่เข้าแถวอยู่ให้เคลื่อนตัวไปสู่กาแลกซี่ไตรแองกุลัม เริ่มขบวนการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่กลางดึกของ 21-12-2012
17. เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง ความเปลี่ยนแปลงอากาศจะไม่เหมือนเดิม
18.ธรรมชาติรอบตัวทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป ความร้อน ความเย็น ฝน แดด ท้องฟ้า มีเมฆ กระจายตัวรูปแปลกๆ กลิ่นแปลกๆ ในอากาศ
19.สังเกตุที่อภิไทโภธิบาทว์จะเกิดเหตุอาเพศ นานาประการจะเกิดกาลี ขึ้นในบ้านเมือง
เช่น ฟ้าผ่าแผ่นพสุธา บังเกิดฟ้าผ่าบ่อยครั้ง ผ่าในส่วนที่ไม่ควรจะผ่า ผ่าลงใบเสมาวัด ฟ้าผ่าลงศาลพระภูมิ ผ่าลงศาลเทพารักษ์ ฟ้าผ่าโรงม้า โรงช้าง
บังเกิดแสงประหลาดในเวลากลางคืน ดูน่าสะพึ่งกลัว
สัตว์ป่าวิ่งเข้าสู่พระนคร ส่วนสัตว์ในพระนครวิ่งหนีเข้าไปอยู่ในป่า
บังเกิดแผ่นดิน เกิดแยกแตก เป็นช่วง โหว่ เป็นรู แผ่นดินทรุดตัว เป็นหลุมลึก ต้นไม้ถล่มลงมา แผ่นดินแตกระแหงขนาดใหญ่
แสงอาทิตย์กลับให้ความรู้ เย็น แต่แสงจันทร์กลับให้ความรู้สึกร้อน

ได้ยินเสียงประหลาด เหมือนเสียงผีหัวเราะ ร้องโหยหวน น่าหวาดกลัว
ช้าง ม้าออกลูก มาพิการ มี 3 หัว มี 2 หัวบ้าง
ขาเกินมาบ้าง เช่น วัว 6 ขา ควาย 7 ขาบ้าง

พระประธานในโบสถ์ หลั่งน้ำตาเป็นเลือด
เกิดมีสุริยคราส จันทรคราส และปราการณ์ทางดาราศาสตร์อย่างอื่นเกิดขึ้น บ่อยครั้งในปีนั้น
เช่นมีปรากฏการณ์ดาวตก และ ดาวเรียงกันหลายดวง

ต้นไม้ ผลไม้ ที่เคยมีรสหอมหวาน กับออกผลมาเปรี้ยว หรือ รสชาติประหลาดไปจากเดิม
บังเกิดฝนแล้ง อากาศแปรปรวนวิปริต ผิดฤดูกาล
คนออกลูกเป็นสัตว์ สัตว์ออกลูกมา ผิดแผกไปจากพันธ์ของมัน

ลมพัดแรง จนต้นไม้ และ บ้าน พัง
ลมพัดแรง จนหมู่สัตว์ต่างอพยพหนี หลบหายไป
ลมพัดแรง ท้องฟ้าแดงน่ากลัว ( อาจจะเกิดซึนามิ)
ลมพัดแรง บนท้องฟ้า บังเกิดเมฆรูปประหลาดต่างๆมากมาย

ยามค่ำคืนได้ยินเสียง แปลกๆเหมือนมี ผีมาพูดคุยกัน

ที่เกิดไปแล้วก็เป็นฟ้าผ่าพระเจดีย์วัดอรุณ กลางองค์ พัง และผ่า คอยักษ์ ขาดกระเด็น....น่าสยดสยองมาก หมายถึงเหตุการณ์ คนตาย มากมาย ในกรุงเทพฯ แน่นอนที่สุด...

20.ควรออกจากกรุงเทพล่วงหน้าสัก 3 สัปดาห์เพื่อที่ว่าถนนจะไม่แออัด หาที่พักง่าย คือออกจากกทม. 1 ธค. 2012 เพื่อรอดูเหตุการณ์ 21 ธันวาคม 2012 ที่จะเกิดเหตุการณ์ตามคำทำนาย..แค่ไหน อย่างไร

...ซึ่งอาจจะรุนแรงมากเลยทีเดียวก็ได้...
หนทางที่ดีที่สุดคือ อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ เพราะพระอริยสงฆ์ไปอยู่กันมากมาย รวมทั้งพระอาจารย์ รัตน์ รัตนญาโณ และศ.ดร. เทพพนมเมืองแมน ด้วย


ขอบคุณข้อมูลจาก
อาจารย์มรกต รัตนตรัยเพชร
http://www.facebook.com/Prof.Morakot

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

การลดความอ้วนที่ดี


ความอ้วน ปัญหาของคนอยากสวย (Crows magazine)
แต่ไหนแต่ไรมาจะเห็นว่าวัยหนุ่มสาวมักห่วงเรื่องความหล่อความสวย ไม่ว่าจะอายุขนาดไหน ไม่มีใครยอมที่จะหยุดพัฒนาความงามของตัวเองกันเลย ยังอยากที่จะเสริมนั่นเติมนี่ เพื่อแก้จุดด้อยอยู่ตลอดเวลา จะว่าไปแล้วก็คงหาได้ยากสำหรับท่านที่คิดว่าพอแล้วกับรูปร่างหน้าตาใน ปัจจุบัน ถ้ามีเงิน… ฉันก็ยังจะทำโน่นนี่นั่นอยู่ดี อย่าเถียงนะคะว่าคุณเองไม่เคยคิด นี่แหละค่ะที่ทำให้สถานเสริมความงาม สถานแก้ไขจุดบกพร่อง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าแก้ไขปมด้อย ถือกำเนิดเติบโตขึ้นเร็วมาก
วันนี้ จะนำวิธีลดความอ้วนอันเป็นปมด้อยของผู้ที่มีน้ำหนักเกิน แบบไม่เสียเงินที่มีอยู่น้อยนิด มาแนะนำกันค่ะ
ว่า ไปคนอ้วนนี่ก็แปลก เวลาปกติคิดว่าตัวเองอ้วนตลอดเวลา ยกเว้น “เวลากิน” นี่ลืมไปเลยว่าอ้วน และบางครั้ง “ความอ้วน” ก็ทำให้เราพลาดในอะไรหลาย ๆ สิ่ง เห็นด้วยไหมคะ? ถ้าเห็นด้วยมาลดน้ำหนักกันดีกว่าค่ะ จำไว้อย่างนะคะว่า การลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง ไม่เร่งให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างฮวบฮาบ แม้ได้ผลช้า แต่ไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพ และยังได้ผลที่ถาวรกว่าวิธีเร่งด่วนอีกด้วยค่ะ ฉะนั้น เรามาตั้งใจ และมุ่งมั่นไปด้วยกันนะคะ
ลดน้ำหนัก
 1.ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนในการลดน้ำหนัก โดยอาจจินตนาการว่า คุณต้องการมีรูปร่างอย่างไร และต้องการลดกี่กิโลกรัม ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ อย่าใจร้อนรีบลดจนเกินไป เพราะจะส่งผลเสียต่อร่างกาย และทำให้การลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องสนุกอีกต่อไป อุปสรรคสำคัญที่ทำให้การลดน้ำหนักของคุณไม่ได้ผลก็คือ ความรู้สึกท้อแท้เมื่อเห็นน้ำหนักตัวไม่ขยับลงอย่างที่ควรจะเป็น
 2.เพิ่มปริมาณน้ำ น้ำช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ไม่แห้งตึง แล้วยังช่วยให้การทำงานของระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญคือ ช่วยให้ทานอาหารได้น้อยลงเพราะรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น กระตุ้นระบบการเผาผลาญพลังงานในร่างกายด้วย
 3.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ทานอาหารให้ครบทุกมื้อ (ย้ำว่าครบทุกมื้อ) ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการทานเกินขนาดในมื้อต่อไป
ทานข้าวกล้อง แทนข้าวสวย
ทานข้าวโอ๊ต แทนซีเรียล
เลือกน้ำสลัดไขมันต่ำ แทนน้ำสลัดธรรมดา
ทิ้งอาหารขยะไป แล้วก็ไม่ต้องไปซื้อมาเก็บไว้อีก
ทานของหวาน ของมัน ของทอด ให้น้อยลง โดยกำหนดว่าจะทานกี่ครั้งต่อสัปดาห์
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด
ทานช้า ๆ จะช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้น
ทานมังสวิรัติ 1 วัน/สัปดาห์ มาทานผัก ผลไม้ เพื่อเพิ่มกากใยให้กับร่างกาย
อย่าเอาอะไรเข้าปากหลังสองทุ่ม
 4.ทำใจให้สบาย ผ่อนคลาย และไม่เครียด เนื่องจากมีแนวโน้มว่า คนที่มีความเครียดเป็นประจำ มักจะทานอาหารมากกว่าปกติ และทานจุบจิบบ่อย ๆ
 5.ออกกำลังกายเป็นประจำ คุณสามารถออกกำลังกายได้ทั้งในขณะที่ทำงาน หรืออยู่บ้าน เช่น หากคุณนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ ก็สามารถขยับต้นคอ เพื่อคลายกล้ามเนื้อ และลุกขึ้นบิดตัวไปมาทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง เพื่อให้เลือดไหลเวียน หรือทำงานบ้านด้วย
หาก คุณทำตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้นได้ น้ำหนักจะลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพ แต่มันจะไปแตะอยู่ที่สเกล ๆ หนึ่งนานหน่อย ก็อย่าตกใจ ทำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันจะลดลงมาเอง เริ่มไปทีละอย่างจนคุณติดเป็นนัย เพียงเท่านี้เจ้าน้ำหนักส่วนเกินที่คุณไม่ต้องการก็จะไม่มาเคาะประตูร้องหา คุณอีกต่อไปค่ะ
วิธีลดความอ้วน
Tips
ใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์ เวลาขึ้น หรือลงอาคารเพียง 2-3 ชั้น
จอดรถให้ไกลกว่าเดิม เพื่อให้เดินมากขึ้น
ทำงานบ้านโดยใช้เครื่องทุ่นแรงให้น้อยลง เช่น การซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน หรือล้างรถเอง
หางานอดิเรก เช่น ทำสวน ปลูกต้นไม้ จูงสุนัขเดินเล่น


ที่มา: www.kapook.com


วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การเดินทางสู่สาย Network Part II


ส่วนที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้จะเป็นส่วนข้อแนะนำในการเดินทางไปยังเป้าหมายของ  Networker นะครับ สิ่งที่จะแนะนำนี้ บางคนก็อาจทำตามไม่ได้ บางคนก็อาจทำตามได้ ทั้งนี้นอกจากจะขึ้นกับความตั้งใจแล้วอาจต้องขึ้นอยู่กับดวงของแต่ละคนด้วย (แต่บางทีเราก็พอจะเลือกเส้นทางเดินได้) จากครั้งที่แล้วผมแยกคนออกเป็นกลุ่มต่างๆ ในที่นี้ผมจะขอเสนอข้อแนะนำของคนที่อยากจะเป็น Networker ไว้พอเป็นแนวทางนะครับ

ภาษาอังกฤษ
   ภาษาอังกฤษคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ Networker เพราะในระดับกลางถึงสูง จะไม่มีหนังสือภาษาไทยให้อ่าน ถ้าหากเราไม่สามารถพัฒนาตัวเองจนสามารถอ่านภาษาอังกฤษได้คล่องแล้วล่ะก็ การที่จะก้าวขึ้นเป็น Networker ระดับสูงได้นั้น เป็นเรื่องที่แทบจะพูดได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้ (ไม่ใช่แค่โอกาสน้อยนะครับ) ดังนั้นขอเน้นย้ำเรื่องนี้ ขอให้เป็นข้อปฏิบัติข้อแรกเลยนะครับในการเริ่มต้นก้าวเดิน ส่วนวิธีการพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองนั้นผมขออ้างถึงจากครั้งที่แล้วที่เขียนไว้ตามนี้นะครับ

   - จงลืมความรู้สึกเกลียดการอ่านภาษาอังกฤษซะ แล้วจงตั้งหน้าตั้งตาอ่านและเปิด dict ให้มากที่สุด ใช่ฟังดู พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ก็ใช่อีกนั่นหล่ะที่ว่า แล้วมีใครล่ะที่บอกว่าการจะก้าวขึ้นมาเป็นมือโปรได้นั้นเป็นเรื่องง่ายๆ คนที่อยากจะข้ามแม่น้ำแต่ไม่กล้าที่จะเปียก แล้วเมื่อไหร่จะว่ายข้ามมาอีกฝั่งได้ ถ้าอยากจะข้ามมาอีกฝั่ง ก็ต้องเลิกกลัวที่จะเปียก แล้วจงตั้งหน้าตั้งตาว่ายข้ามมาซะ 
   - ทุกครั้งที่เปิด dict ให้จดคำศัพท์ไว้ในสมุดจดเล่มเล็กๆ แล้วพกติดตัวตลอด ว่างเมื่อไหร่ก็เอามาท่อง แต่ข้อสำคัญมากๆที่ต้องตั้งเป็นกฏคือ ภายในวันหนึ่งต้องท่องให้ได้ไม่ต่ำกว่า 25 คำ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคุณไม่มีกฏของตัวเอง คุณก็จะท่องแค่วันละห้าคำ และสุดท้ายก็ขี้เกียจไม่ท่อง ผมเคยท่องสูงสุดถึงวันละ 250 คำ รวมคำศัพท์ทั้งหมดที่ท่องกว่าหมื่นคำ ทำอย่างนี้อยู่กว่า หกเดือน บอกได้คำเดียวว่า big improvement อย่าลืมข้อสำคัญ กฏคือกฏ ตั้งโปรแกรมใส่สมองไว้ เช่นวันละ 25 คำ ไม่ว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลายวันนี้ก็ต้องท่องให้ได้ 25 คำ
   - ไปหาซื้อนิตยสาร future มาอ่านซะ เล่มละ 20 (ไม่รู้ว่าขึ้นราคาหรือยัง) ในนี้จะเป็นเนื้อหาภาษาอังกฤษพร้อมคำแปลตลอดทั้งเล่ม เขาออกทุกๆสองสัปดาห์ แล้วให้บังคับตัวเองว่าต้องอ่านทุกหัวข้อในเล่มนั้นให้จบให้ได้ภายในสองสัปดาห์ เพราะมันจะออกเล่มใหม่ออกมา ทุกครั้งเมื่อเจอศัพท์ใหม่ก็ให้จดไว้ท่อง นิตยสารเล่มนี้ช่วยให้ผมได้รู้ศัพท์ใหม่ๆเพิ่มขึ้นเยอะมาก อยากแนะนำให้ลองดู

   สำหรับคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตามที่ต่างๆนั้น ถ้าสามารถเรียนเพิ่มได้ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ผมมองว่ามันไม่จำเป็นเสมอไป เพราะใน text book ที่เป็นเนื้อหาทางด้านเทคโนโลยีนั้น ไม่ได้ใช้ grammar ที่ซับซ้อนอะไรนัก และก็ใช้ Grammar อยู่ไม่กี่แบบ ถ้าหากเราอ่านภาษาอังกฤษไปเรื่อยๆ แล้วสงสัยเรื่อง grammar ผมแนะนำให้ไปหาซื้อหนังสือ Grammar มาไว้เล่มนึงเล่มไหนก็ได้ เพราะไม่แตกต่างกันมากนัก เมื่อสงสัยในรูปประโยคก็ให้เปิดอ่านดู พอทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะพบว่ารูปแบบ grammar จะเริ่มซ้ำๆกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าไม่ค่อยรู้เรื่อง grammar แล้วจะทำให้อ่าน text book ไม่ได้ การเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมเป็นสิ่งที่ดี ถ้าไม่ขัดสนเรื่องค่าเรียนผมก็แนะนำให้เรียน แต่ถ้ายังไม่อยากจ่ายเพิ่มก็จะบอกว่าไม่เป็นไรไม่ต้องห่วง ขยันอ่านไปเรื่อยๆ เปิดdictบ่อยๆ เดี๋ยวก็ได้เองครับ จากนี้ไปผมจะเริ่มเข้าส่วนของnetworkแล้วนะครับ

เริ่มจากพื้นฐาน
   การจะเป็น Networker ที่ดีจะต้องมีพื้นฐานที่แน่น(มากๆ) ทั้งนี้เป็นเพราะว่า Networking technology นั้นพัฒนาไปเร็วมาก และมีความจำเป็นต่อระบบแทบจะทุกระบบมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เราจะเห็นว่า OS อย่างพวก DOS, windows 3.1 ก็ยังเป็นแค่ OS ธรรมดา แต่ปัจจุบัน ตั้งแต่ 98, ME, 2000, XP, Longhorn ล้วนแล้วแต่มีส่วนประกอบของความเป็น Networking มากขึ้นเรื่อยๆ การที่จะเข้าใจในเทคโนโลยีที่พัฒนาเร็วได้นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพื้นฐาน ไม่ใช่การพยายามทำความเข้าใจการทำงานเทคโนโลยีใหม่ๆทั้งหมด (สังเกตุว่าผมไม่ได้ใช้คำว่า เปลี่ยนไปเร็วนะครับ แต่ผมใช้คำว่า พัฒนา ไปเร็ว เพราะnetworking technology ใหม่ๆมักจะยังคงใช้พื้นฐานเดิมอยู่ตลอด) ในชีวิตการทำงานของพวกมือโปรนั้น เขาจะเจอเทคโนโลยี เจอโปรโตคอลใหม่ๆอยู่ตลอด ยิ่งทำงานในระดับสูงขึ้นก็จะยิ่งเจอตัวประหลาดๆมากขึ้น และเราไม่มีเวลามานั่งอ่านนั่งศึกษามันก่อนที่เราจะเริ่มงานได้หรอกครับ จากที่ผมประสบมา บ่อยครั้งที่ผมมีเวลาให้เรียนรู้และทำความเข้าใจการทำงานของหลายๆเรื่องที่ใหม่สำหรับผมเพียงแค่ 2-3 นาที !!! เมื่อต้องเริ่มคุยกับพวก Vendor หรือพวก network designer หลายๆครั้ง  เราต้องฟังเขาพูด และคุยกับเขาและพยายามมองให้ออกและเข้าใจมันให้ได้ว่ามันทำงานอย่างไร ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ แต่ผมก็ทำมาหลายครั้งแล้ว แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะผมที่ทำแบบนี้ พวกฝรั่งที่ผมเจอมาก็เหมือนกัน เพราะบางครั้งผมจะเอาสิ่งที่ผมเคยทำมามาapplyกับงานซึ่งผมก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้เขาไม่รู้มาก่อนแน่นอน แต่แค่คุยไปซักพัก เราก็จูนกันได้ ที่เล่าให้ฟัง อย่าพึ่งนึกหมั่นไส้ผมนะครับว่าโม้หรือเปล่า แค่อยากจะเล่าให้เห็นถึงปลายทางว่า คนที่อยากเป็น Networker จริงๆ ต้องทำให้ได้ขนาดนี้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับตัวคุณเองได้ก็ต่อเมื่อพื้นฐานคุณต้องแน่นมากๆ เท่านั้น

แล้วทำอย่างไรถึงจะมีพื้นฐานแน่น
   เริ่มจากหาหนังสือภาษาไทยเกี่ยวกับ Networking มาอ่านก่อน ผมแนะนำเล่ม เปิดโลก TCP/IP เล่มนี้มีมานานแล้ว คิดว่าน่าจะมีเวอร์ชั่นใหม่ออกมาบ้าง เล่มนี้ตอนที่ผมเริ่มอ่าน ผมอ่านไปอ่านมา ประมาณสามรอบได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าอ่านจบรอบแรกแล้วอ่านรอบสองต่อเลยนะครับ พอผมอ่านจบรอบแรก ผมก็ไปอ่านเรื่องอื่นในหนังสือเล่มอื่นต่อ แล้วพอมีข้อสงสัยก็เลยกลับมาดูเล่มนี้อีกที ก็พบว่ามีบางอย่างเป็นรายละเอียดที่เราเคยอ่านผ่านไปแล้ว แต่ตอนนั้นไม่ได้เข้าใจมันจริงๆ ก็เลยเริ่มอ่านอีกรอบเป็นรอบที่สอง ปรากฏว่าเข้าใจในเนื้อหามากขึ้น ก็ยังงงเหมือนกันว่าตอนอ่านรอบแรกไม่เห็นจะเข้าใจอย่างนี้เลย พออ่านจบ ก็ไปหาอย่างอื่นอ่านต่ออีก อ่านไปอ่านมาก็มีหลายเรื่องในรายละเอียดที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ ก็ย้อนกลับมาเล่มเดิม สุดท้ายก็อ่านมันอีกรอบ คราวนี้กลายเป็นว่าเก็บรายละเอียดได้แทบจะทั้งหมดเลย จะเห็นว่าการอ่านหนังสือใดๆก็แล้วแต่ โดยปกติการอ่านรอบแรกมันไม่ได้ทำให้เราเข้าใจทั้งหมดของมันได้ ถึงแม้บางคนจะบอกว่าอ่านแล้วเข้าใจ แต่เขาก็ไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบทั้งหมดอยู่ดี และโดยปกติคนเรามักจะมองว่าเมื่อเล่มนี้อ่านผ่านไปแล้ว ก็ขี้เกียจมาอ่านซ้ำ สิ่งเหล่านี้สามารถโยงไปถึงประโยคที่ว่าการจะทำให้พื้นฐานแน่นได้อย่างไรคือ จะต้องมีนิสัยไม่มองข้ามและดูแคลนสิ่งที่เราเคยรู้ว่า เราเคยผ่าน เคยอ่านมาแล้ว จนทำให้เกิดความคิดว่าไม่จำเป็นต้องทวนอีกรอบ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องพื้นฐานแค่ไหน หากเราได้มีโอกาสทบทวนมัน เราก็จะเจอสิ่งเล็กๆน้อยๆ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ได้ถูกบรรยายโดยตรงผ่านตัวอักษรปรากฏให้เราเข้าใจได้ ซึ่งสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้แหละที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของคำว่าพื้นฐานแน่น ผมไม่ได้บอกว่านะครับว่าเวลาคุณอ่านหนังสืออะไรก็แล้วแต่ ต้องอ่านมันสองสามรอบเสมอ ถ้าสังเกตุให้ดีการอ่านรอบสองรอบสามของผมนั้นเกิดจากการที่ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมไปเจอมาใหม่แต่เกี่ยวกับเรื่องที่เคยอ่านมาแล้ว ผมก็เลยย้อนกลับไปอ่านอีกรอบ ซึ่งจริงๆมันไม่จำเป็นเสมอไปที่จะต้องย้อนกลับมาอ่านอีกรอบ ใจความสำคัญคือ ต้องบอกตัวเองเสมอว่าเรายังไม่รู้เรื่องที่เราเคยรู้มาทั้งหมดอยู่เสมอ ถ้าหากมีโอกาสเราเจอมันอีกรอบก็ควรลองอ่านมันอีกรอบดู เช่นถ้าเราไปเจอคนเขียนเรื่อง OSI 7 layer ก็ไม่ควรมองว่าเคยรู้แล้วก็ไม่น่าสนใจ ผมเองเจอหลายครั้งเหมือนกันที่คนที่เขียนถึงเรื่อง OSI เขียนออกมาในมุมมองที่ต่างกัน ทำให้พออ่านไปก็เห็นภาพมากขึ้นๆ ในตัวอย่างของผมจะเห็นว่าแม้แต่เรื่อง OSI 7 layer เอง ตัวผมก็อ่านหลายๆรอบจากหลายๆที่ ที่ผมไปเจอมาเช่นกัน 
1.   เปิดโลก TCP/IP และโปรโตคอลของอินเตอร์เน็ต
2.   เจาะระบบ TCP/IP จุดอ่อนของโปรโตคอลและวิธีป้องกัน
เอาแค่สองเล่มนี้ถ้าคุณอ่านจนพรุนก็ถือว่ารู้ขึ้นเยอะมากแล้วครับ แต่ขอแนะนำให้อ่านเล่มที่หนึ่งก่อนจนเข้าใจแล้วค่อยเริ่มต่อเล่มที่สอง  สองเล่มที่กล่าวถึงเป็นการเน้นเรื่องทฤษฏีเป็นหลัก เล่มที่สามที่อยากจะแนะนำคือ เรียนรู้ระบบเน็ตเวิร์กจากอุปกรณ์ของ CISCO ภาคปฏิบัติ เล่มนี้ผมเองยังไม่ได้มีโอกาสอ่านในรายละเอียด แต่ได้มีโอกาสเปิดอ่านดูคร่าวๆในร้านหนังสือ ดูแล้วคิดว่าเป็นหนังสือที่ดีอีกเล่มหนึ่ง เพราะสามารถที่จะเชื่อมโยงเรื่องของทฤษฏีกับปฏิบติเข้าด้วยกันได้ สำหรับใครที่คิดว่าตัวเองยังใหม่อยู่ เนื้อหายังไม่คล่องมากนัก ก็ขอแนะนำว่าอย่าพึ่งรีบอ่านเล่มนี้ ให้ย้อนกลับไปอ่านสองเล่มแรกนั้นก่อน ถ้าทฤษฏีเรายังไม่แน่นพอแล้วไปอ่านเล่มปฏิบัติ เราจะงงได้ เพราะพอพื้นไม่แน่นแล้วเขาพาลงcommmandใช้งาน เราก็จะงง ไม่รู้ว่าผลของcommandแต่ละตัวมีไว้เพื่ออะไร ทำไมเราต้องสั่งแบบนี้ เราคาดหวังว่ามันจะตอบสนองเราอย่างไรเมื่อสั่งแบบนี้แบบนั้น พอเริ่มเกิดอาการนี้ก็จะเริ่มทำให้เราเขวได้ สับสนและงงไปในที่สุด จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ถ้าคนที่คิดว่ามีพื้นมาบ้างพอสมควรแล้วก็อาจเริ่มที่เล่มนี้เลยก็ได้ ในช่วงที่อ่านเล่มนี้ก็แนะนำให้ไปหา simulator ในระดับ ccna มาเล่นตามไปด้วย ก็จะทำให้คล่องขึ้น การเล่น simulator นั้นต้องพึงระลึกไว้อย่างหนึ่งว่ามันไม่ใช่ router จริง เพราะฉะนั้นมันไม่ได้มีครบทุกคำสั่งให้เราเล่น และrespond message ของมันก็เป็นแค่การจำลองขึ้นมา มันอาจจะไม่เหมือน router จริงในหลายๆครั้ง ก็ต้องทำใจในระดับหนึ่งนะครับ หลังจากจบเล่มนี้ คราวนี้ผมแนะนำว่าให้เตรียมสอบ ccna ได้แล้ว

วิธีการเตรียมตัวสอบ ccna 

ให้ไปซื้อหนังสือ cisco press ccna มา ชุดหนึ่งมีสองเล่มราคาลดแล้วประมาณ 1,800 บาท หรือไม่ก็ใช้วิธี download จาก internet ซึ่งไม่น่าจะหายากนัก ถ้าไม่รู้จะเริ่มที่ไหนก็ไปที่ www.net130.com ก่อนก็ได้ ที่นี่จะมี cisco material เยอะมาก เมื่อได้มาแล้วแนะนำให้ print ออกมาอ่านจะดีกว่า โดยปกติการอ่านจากกระดาษจะทำให้จำเนื้อหาได้ง่ายกว่าอ่านจากcom เพราะมันจดได้วาดรูปได้ คราวนี้เราจะต้องอ่านtext book เพื่อเก็บรายละเอียดไว้ให้ได้มากที่สุด จากประสบการณ์การสอบ cert ของผม ในบรรดา cert ที่ผมผ่านมาทั้งหมด ผมถือว่า ccna เป็น cert ที่สำคัญที่สุดสำหรับผม บางคนที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากนัก แล้วสอบได้ ccna มาง่ายเกินไป ผมก็บอกได้เลยว่าคุณกำลังพลาดสิ่งดีๆไป เพราะคนที่ได้ ccna มาแล้ว น้อยมากที่จะยอมย้อนกลับมาอ่านเนื้อหาพื้นฐานระดับ ccna อีกรอบ ผมอยากให้พยายามเน้นให้มากที่สุดสำหรับ ccna อ่านเนื้อหาและจดลงไปในกระดาษหรือหนังสือให้มากที่สุด ยิ่งคุณทำให้หนังสือคุณเยินได้มากเท่าไหร่ คุณก็จะได้ความรู้มากเท่านั้น ยิ่งหนังสือคุณขาวสะอาดมากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งเสียเวลาไปเปล่าประโยชน์กับการอ่านมากเท่านั้น เมื่ออ่านจบแต่ละบทอย่าลืมย้อนกลับไปทำแบบฝึกหัดท้ายบทเสมอ และที่สำคัญฝึกปฏิบัติด้วย จะด้วย router จริงหรือ simulator ก็ได้ จากนั้นให้ download testking มาอ่าน วิธีอ่านคือ ให้ทำข้อสอบทีละข้อพอตอบแล้ว ก็ให้ดูเฉลยของแต่ละข้อเลย ถ้าข้อไหนตอบผิดก็ให้จดเลขข้อนั้นไว้ จากนั้นก็ให้อ่านเฉลยและทำความเข้าใจว่าเราตอบผิดได้อย่างไร อะไรคือความเข้าใจผิดของเราที่ทำให้ตอบผิด ในกรณีที่บางข้อไม่มีเฉลย ก็ต้องเข้า google แล้วค้นหาดู ซึ่งคิดว่าน่าจะพอหาได้ไม่ยาก พูดถึง google อยากบอกว่า networker ที่ดีจะต้องฝึกใช้ google ให้คล่องเพื่อใช้หาข้อมูลให้เก่งนะครับ กลับมาที่การอ่าน testking ให้ทำอย่างที่แนะนำไปจนจบรอบแรก จากนั้นให้เริ่มรอบสอง แต่คราวนี้ให้ทำเฉพาะข้อที่เคยตอบผิด คราวนี้ทุกข้อที่เราตอบ เราจะต้องอธิบายในใจเราเองได้ว่าทำไมเราถึงตอบข้อนี้ (ซึ่งเราเข้าใจจากการพยายามทำความเข้าใจกับเฉลยมาแล้วในรอบแรก) ถ้าเรายังตอบโดยแค่จำได้ว่าถ้าจะให้ถูกต้องตอบข้อนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ให้จดเลขข้อนั้นไว้เพราะถือว่าไม่ผ่าน แล้วก็อ่านเฉลยและพยายามทำความเข้าใจอีกทีให้ได้ วิธีแบบนี้ เราไม่สามารถโกหกตัวเราเองได้ เราจะจำเอาหรือจะเข้าใจเอา เรารู้ตัวเราเองดีที่สุด ให้ทำอย่างนี้วนรอบจนกว่าจะถึงรอบสามรอบสี่จนกว่าจะเคลียร์ได้ครบทุกข้อแล้ว คราวนี้ทำรอบสุดท้าย ทั้งหมดใหม่อีกรอบ คราวนี้เราควรตอบได้ถูกไม่ต่ำกว่า 85% บางคนอาจจะแย้งในใจว่าการใช้ testking ไม่ดี ผมก็จะตอบว่ามันขึ้นกับการใช้ต่างหากว่าใช้เป็นหรือไม่ สมมุติว่าเราทำมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมจะบอกว่าการเดินเข้าห้องสอบเพิ่มอีกแค่สามชั่วโมงไม่ได้ทำให้ความรู้เราเพิ่มขึ้นหรือแย่ลงเพราะเราอ่าน testking ก่อนเข้าห้องสอบ พอเดินออกมาจากห้องสอบยังไงสามชั่วโมงผ่านไป ความรู้ก็เท่าๆเดิมนั่นแหละกับก่อนเข้าห้องสอบ ต่างกันแค่จะมี cert ติดมือออกมาด้วยหรือเปล่าแค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นอย่าไปยึดติดว่ามันคือ testking เลยนะครับ ขออย่างเดียวใช้มันให้เป็นเป็นสำคัญ ลองนึกดูว่าถ้าเราใช้ testkingเพื่อเป็นแบบฝึกหัดตามที่ผมแนะนำจนครบทุกรอบแล้ว แล้วเราเปลี่ยนใจไม่ไปสอบ ถามว่าการอ่าน testking เป็นเรื่องไม่ดีหรือไม่ ทุกคนน่าจะมองเหมือนกันว่า testking กลายเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันมีแบบฝึกหัดให้ทำกว่าหกร้อยข้อ เห็นไหมว่าคำว่า testking นั้นมันไม่ได้เป็นสิ่งที่แย่เหมือนในความคิดของหลายๆคนเลยนะครับ ขอให้ใช้ให้เป็นเป็นพอ 

ถ้าใครไม่ได้รีบร้อนอะไรว่าบริษัทบังคับต้องได้ ccna ภายใน สองเดือนนี้ ผมแนะนำให้ใช้เวลาเตรียมตัว อ่านหนังสือจนสอบได้ cert ccna มารวมกันไม่ต่ำกว่าหกเดือน โดยที่ภายในหกเดือนนี้ ไม่ใช่เอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อยๆนะครับ คุณต้องขยันอ่านหนังสือทุกๆวัน วันละไม่ต่ำกว่า 2-3 ชั่วโมง ขอให้พยายามเน้นให้มากๆกับการได้ ccna มาแล้ว สิ่งนี้จะกลายเป็นสิ่งสำคัญในการก้าวไปในอนาคตข้างหน้าของ Networker

พอมาถึงจุดนี้ถ้าคุณสามารถทำตามที่ผมแนะนำมาได้ทั้งหมด ผมการันตีได้เลยว่า ccna ที่คุณได้มานั้น แน่นพอในระดับหนึ่งแล้วล่ะครับ

   จากที่กล่าวมาถือว่าเป็น step แรกของการก้าวขึ้นมาเป็น Networker โดยนับมาถึงจุด mile stone ว่าเราได้ cert ccna มาไว้ในมือแล้วนะครับ ถัดจากนี้ผมขอติดไว้ก่อนแล้วเดี๋ยวกลับมาเล่าต่อว่า ควรทำตัวอย่างไรต่อ ควรหางานแบบไหน ควรเลี่ยงงานแบบไหน เพื่อให้เส้นทางไปสู่ Networker นั้นตรงมากที่สุด

เครดิต www.compspot.net ,www.thaiadmin.org